จากเมืองจำปาสัก เมืองปากเซ แยกเดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข ๑๓ เพื่อลงใต้มายังเมืองโขงราว ๑๓๐ กิโลเมตร การเดินทางบนถนนสายนี้กลายเป็นเส้นทางสายยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนต้องการเข้ามาจับจองสร้างฐานธุรกิจทางการท่องเที่ยวอย่างชัดเจนในช่วงราว ๑๐ ปีที่ผ่านมา
ที่คอนพะเพง รัฐบาลลาวมีแผนการสร้างสะพานความยาวประมาณ ๒ กิโลเมตรเชื่อมสองฝั่งโขงที่บริเวณคอนพะเพงรับแผนพัฒนากับเวียดนามและกัมพูชาและต่อยอดทางหลวงสายใหม่ที่จีนสร้างเชื่อมเมืองคุนหมิงกับกรุงพนมเปญโดยผ่านลาว ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนจากญี่ปุ่น ไทย จีน อเมริกัน เกาหลี รู้ข่าวเข้าจองพื้นที่ทั้งโรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ กาสิโนและสถานบริการท่องเที่ยวครบวงจร รวมทั้งสร้างสนามบินอีกแห่งหนึ่ง แม้แต่ “คำไต สีพันดอน” อดีตประธานประเทศลาวที่มีเกสต์เฮาส์และสนามกอล์ฟของตนเองที่บ้านเกิดนี้ด้วย นอกจากนี้ยัง มีการสร้างเกสต์เฮ้าส์และโรงแรมเล็กๆ ทั้งที่สร้างแบบง่ายๆ และหรูหราตามริมโขง และตามเกาะแก่งต่างๆ มากมายจนอาจจะจินตนาการถึงวังเวียงที่เปลี่ยนแปลงไปจนน่าตกใจ
เมืองโขงอยู่ติดต่อกับสตึงแตรง (Stung Treng) หรือที่เคยเรียกว่าเมืองเชียงแตง เมื่อคราวอยู่ภายใต้การปกครองของจำปาสัก ก่อนยุคสมัยของการเป็นอาณานิคม เพื่อเชื่อมเข้ากับทางหลวงเลข ๗ ของกัมพูชาช่วงจังหวัดกระแจ๊ะ (Kratie) กับสตึงแตรง ที่รัฐบาลจีนช่วยกัมพูชาสร้าง ตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เมืองโขงแห่งนี้คือที่ตั้งของมหานทีสี่พันดอน หรือบ้างที่เคยเรียกว่า “สีทันดร” เกาะกลางลำน้ำโขงที่มีจำนวนมากที่สุด บริเวณแม่น้ำโขงจุดนี้มีสภาพภูมิศาสตร์มีเกาะแก่งตามแม่น้ำโขงมากมาย ลำน้ำโขงแยกย่อยหลายสาย มีตาดคอนพะเพง ซึ่งเป็นแก่งหินขนาดใหญ่กั้นกลางแม่น้ำโขงและน้ำตกหลี่ผีหรือตาดโสมพะมิต ที่เกิดจากแม่น้ำโขงยุบตัวลงราว ๑๕-๒๐ เมตร ทำให้น้ำไหลตกลงมาเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก ชื่อหลี่ผี มาจากคำว่า หลี่ คือเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งคล้ายลอบ และผีก้คือศพคนตายที่ไหลตามน้ำ และถูกพัดพามาติดหลี่จับปลาของชาวบ้านที่มีอยู่มากมายบริเวณนี้
เกาะแก่งเหล่านี้ขนาดมหึมาทำให้เกิดการปะทะของสายน้ำกับแก่งหินกลายเป็นพลังน้ำยิ่งใหญ่ ฝอยฟุ้งน้ำสีขาวและดูสวยงามและเกรี้ยวกราด เกาะกลางน้ำโขงที่ใหญ่ที่สุดคือ “ดอนโขง” ส่วนกว้างที่สุดวัดได้ ๖ กิโลเมตร ยาวราวๆ ๑๒ กิโลเมตร มีถนนรอบเกาะระยะทางประมาณ ๓๕ กิโลเมตร
เมื่อฝรั่งเศสเข้าปกครองในอาณานิคม “อินโดจีนของฝรั่งเศส” ต้องการสร้างฝันที่จะติดต่อบ้านเมืองภายในเขตติดต่อที่มีปราการธรรมชาติระหว่างลาว กัมพูชาและเวียดนามผ่านทางแม่น้ำโขงให้ได้ จึงสร้างสะพานในส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำโขง จากฝั่งท่าเรือกำปั่นส่งสินค้าไปยังฝั่งตรงข้ามที่ “ดอนคอน” ซึ่งอยู่ต่ำลงมาทางใต้ของดอนโขงราว ๑๕ กิโลเมตร
ดอนคอน เป็นดอนขนาดรองลงมา มีความกว้าง ๔.๕ กิโลเมตร ความยาว ๕ กิโลเมตร ในสมัยฝรั่งเศสยึดครองอินโดจีนได้ก่อสร้างท่าเรือและทางรถไฟยาว ๑๒ กิโลเมตร ที่ดอนคอนเพื่อขนถ่ายสินค้าจากเรือมาถึงรถไฟที่มีเส้นทางตัดจากหัวดอนไปท้ายดอน แล้วตัดข้ามแม่น้ำโขง จากดอนคอนไปอีกดอนหนึ่งชื่อ ดอนเดดหรือดอนเดช ที่เป็นท่าเรือแล้วก็ส่งสินค้าลงเรือใหม่ เป็นการส่งสินค้าข้ามผ่านน้ำโขงช่วงนี้ที่เคยเป็นปราการตามธรรมชาติขวางกั้นการติตต่อสัมพันธ์ระหว่างบ้านเมืองในลุ่มน้ำโขงทางแถบลาวและเขมรมาอย่างยาวนาน แต่ฝรั่งเศสขนส่งอยู่ไม่นานก็ต้องหยุดในช่วงระหว่างเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ จนถึงสงครามเดียนเบียนฟู พ.ศ.๒๔๙๗ และเหลือทิ้งแต่ร่องรอยที่ดอนคอนและดอนเดดดังกล่าว
วลัยลักษณ์ ทรงศิริ : เรื่องและภาพ