ผมมีโอกาสไปร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการกับมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในระหว่างการบรรยายคุณวลัยลักษณ์ ทรงศิริ ได้ฉายภาพถ่ายขาวดำที่ถ่ายจากกล้องฟิล์มชุดหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นภาพของอาจารย์ประยูร อุลุชาฎะหรือ น. ณ ปากน้ำ ที่ถ่ายเมื่อครั้งลงพื้นที่ในสามจังหวัดภาคใต้เมื่อประมาณ ๓๐ กว่าปีก่อน
นอกเหนือจากความตื่นตากับภาพถ่ายเก่าๆ และอารมณ์ของภาพขาวดำที่ดูขรึมขลังแล้ว ภาพแห่งความทรงจำในวัยเยาว์ของผมก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เรื่องราวและสถานที่ต่างๆ ที่เคยพบเห็นและลืมเลือนไปแล้วตามกาลเวลา ก็ได้ถูกสะกิดให้หวนคืนมาอีก
และเมื่อหันมาดูรูปภาพเหล่านั้นอย่างพินิจถี่ถ้วน สิ่งที่พบเห็นอย่างสามัญในโมงยามที่ภาพถูกบันทึกนั้น กลับไม่สามารถพบเห็นได้แล้วในปัจจุบัน ภาพชาวบ้านที่เทินสิ่งของไว้บนหัวอย่างสามัญดาษดื่นน่าจะเป็นเรื่องที่คนอายุไม่เกิน ๒๐ ปี ไม่เคยได้เห็นมาก่อน สภาพบ้านเรือน การแต่งกาย วิถีชีวิตที่ดำเนินอย่างเชื่องช้า เหมือนอย่างที่ปรากฏในภาพถ่าย ก็คงเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากจินตนาการของผู้คนในยุคนี้
อารมณ์แรกในยามที่เห็นภาพถ่าย นอกเหนือจากการย้อนคืนความทรงจำของชีวิตวัยเด็กที่เติบโตในสังคมมลายูปาตานีอันเป็นความทรงจำส่วนตัวแล้ว ผมกลับกระหายที่จะเล่าเรื่องราว อยากแบ่งปันบรรยากาศแบบ มลายูปาตานี ที่ผมเติบโตมาให้กับคนรุ่นใหม่และคนนอกสังคมมลายูปาตานีที่ไม่มีโอกาสได้เห็น มีโอกาสได้สัมผัสถึงเรื่องราวเหล่านั้นบ้าง รวมไปถึงอยากสืบค้นถึงภาพหลายๆ ภาพที่ผมมองไม่ออก จำไม่ได้แล้วว่า เป็นภาพที่ถ่ายจากที่ไหนในสามจังหวัดชายแดนใต้
ผมอยากจะถ่ายภาพในสถานที่เดียวกัน มุมเดียวกันกับภาพเหล่านั้น เพื่อที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นผ่านกาลเวลาช่วงหนึ่งและบอกเล่าถ่ายทอดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ และจะนำเสนอบอกเล่าผ่านภาพถ่ายเก่าและการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศใหม่ร่วมกับมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ต่อไป
เล่าด้วยภาพ : จดหมายข่าวมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ฉ.๑๐๓ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗)