คุณสมรรถชัย จิวะรังสินี
"ผมเกิดที่นางเลิ้งที่บ้านนี้ คุณพ่อคุณแม่มาจากเมืองจีนทั้งสองคน เป็นจีนแต้จิ๋วมาจากซัวเถา มาแต่งงานที่เมืองไทยและตั้งรกรากที่นี่ พ่อแม่ผมเข้ามาก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ก็ไปเป็นลูกจ้างร้านทองที่อื่นก่อนแล้วค่อยมาเปิดร้านเอง เป็นลูกจ้างแถวสะพานเหล็กแล้วก็ออกมาทำเองตอนปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ตอนสงครามเลิก ตอนแรกมีคนเช่าอยู่ เขาขายของเบ็ดเตล็ด เราก็เลยเซ้งต่อ เขามีเชื้อจีนแต่อยู่เมืองไทยนานเลยกลายเป็นคนไทยไปแล้ว คือตอนเซ้งสงครามยังไม่เลิก เขาก็คล้ายๆ อยากจะหนีสงคราม พ่อเลยมาเซ้งต่อ แล้วซ่อมร้านเสร็จก็สงครามเลิกพอดี
ช่วงสงครามโลก ร้านทองในตลาดนางเลิ้งมีไม่ตํ่ากว่า ๑๐ ร้านขึ้นไป ตั้งอยู่ริมถนนหมดเลย ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ทางฝั่งตลาดหมด ฝั่งตรงข้ามไม่มีร้านทอง (ฝั่งทางวัดโสมนัสฯ) คนทำร้านทองมีที่มาต่างกัน มาจากบางลำพูก็มี เพราะช่วงนั้นตลาดนางเลิ้งกำลังดังทุกคนก็มาตลาดนางเลิ้ง หลังสงครามตลาดนางเลิ้งเป็นเหมือนประตูชานเมือง ที่ออกไปก็จะเป็นชานเมือง ข้ามคลองสะพานเทวกรรมฯ ไปช่วงนั้นก็จะเปลี่ยวแล้ว พอไปถึงประตูนํ้าก็พอจะเป็นชุมชนหน่อย คนจากนอกเมืองก็จะเข้าเมือง สมัยก่อนคนก็ต้องมาจ่ายตลาดแถวนางเลิ้ง ตลาดนางเลิ้งนี่บูมมากเลยสมัยก่อน มีรถรางวิ่งผ่านทางฝั่งหน้าบ้าน เส้นทางจากเทเวศร์ไปสะพานพุทธ เวลามาจ่ายตลาดคนก็จะนั่งรถรางมาเลย ฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นร้านแบบที่เห็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อก่อนทุกร้านเขาจะเปิดประตูขายของ ไม่เหมือนตอนนี้ส่วนใหญ่เขาจะปิด กลายเป็นที่พักอาศัยไป ไม่ได้เป็นร้านค้าเหมือนแต่ก่อน
คนที่เช่าตึกริมถนนนครสวรรค์นี้ส่วนใหญ่เป็นคนจีนหมดเลย นอกจากร้านทองแล้ว มีร้านรองเท้าทั้งตัดทั้งขายหลายเจ้า ร้านตัดเสื้อผ้า แล้วก็มีร้านขายข้าวต้มกุ๊ยหลายร้านเหมือนกัน
คนนางเลิ้งส่วนใหญ่จะมีบ้านอยู่รอบนอก ตรงนี้เอาไว้ค้าขาย ส่วนใหญ่เป็นบ้านมรดกต้องรักษาไว้ ตอนนี้จากร้านขายทอง ๔ ร้าน อาจเหลือแค่ ๒ ร้านเพราะอีกสองร้านเขาก็ท่าทางจะไม่เอาเหมือนกัน เพราะอีกร้านหนึ่งเขาก็เปิดบ้างปิดบ้าง แล้วอีกร้านหนึ่งก็เหมือนไม่มีรุ่นหลังมารับต่อแล้ว เขาก็ทำของเขาไป
คนรุ่นหลังทุกคนเขาก็มีงานทำของเขา ไม่ขายทอง เขาก็ไปทำอาชีพอื่น ทำจนทำไม่ไหวก็ต้องเลิก รุ่นหลังเขาคงไม่เอาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ทุกร้าน รุ่นลูกเขาคงไม่เอา เพราะถ้าเขาทำต่อ เขาคงต้องมาฝึกแล้ว ความชำนาญก็ต้องสะสมหลายปี อาจเป็นสิบปี เรียกว่าต้องมีประสบการณ์เพราะทองแต่ละอย่าง จะเข้ามาไม่เหมือนกัน และคนต้องดูแตกฉานพอว่าทองกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องมีประสบการณ์ถึงดูพวกย้อมแมวออก เพราะทองอาจมีการยัดไส้อะไรก็ได้
นางเลิ้งมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา รอบนอกเขาเจริญกว่า คนก็ย้ายออกไปรอบนอกเยอะ ที่นี่ก็ทรุดโทรมไป เป็นแบบนี้ ปัญหาตรงนี้เราคิดไว้ว่าหมดรุ่นเราก็พอแล้ว ร้านแถวนี้เป็นแบบนี้หมด คือว่าส่งลูกไปทำมาหากินได้ก็พอแล้ว สองรุ่น ๒ เจนเนอเรชั่น คงจะไม่มีรุ่นที่ ๓ แล้ว"
.
ส่วนหนึ่งจากคำสัมภาษณ์ของคุณสมรรถชัย จิวะรังสินี (ร้านทองงี่ฮะเส็ง) ย่านนางเลิ้ง-ถนนนครสวรรค์
ที่มา : จากเพจ facebook สร้างประวัติศาสตร์สังคมย่านเมืองเก่ากรุงเทพฯ วันที่ ๒๖ มิ.ย.๒๕๕๘